มาทำความรู้จักเบรกเกอร์กัน EP1

เบรกเกอร์มีหน้าที่อะไร
เบรกเกอร์ (Circuit Breaker) มีหน้าที่หลักๆ ดังนี้:

  1. ป้องกันการลัดวงจร (Short Circuit Protection): เมื่อเกิดการลัดวงจร, กระแสไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟ ดังนั้นเบรกเกอร์จะตรวจสอบและตัดการเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าเมื่อตรวจพบการลัดวงจร
  2. ป้องกันการเกินกระแส (Overcurrent Protection): เมื่อกระแสไฟฟ้าในระบบเกินกว่าที่ระบบไฟฟ้ากำหนดหรือเกินกว่าที่สายไฟสามารถรับได้, เบรกเกอร์จะทำงานโดยตัดการเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้า
  3. ป้องกันการลัดวงจรกับดิน (Ground Fault Protection): ในบางรุ่นของเบรกเกอร์ มีฟังก์ชันในการตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่หลุดไปยังดิน และจะตัดการเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าเมื่อตรวจพบการสั้นวงจรกับดิน
  4. เป็นสวิตช์เปิด-ปิดระบบไฟฟ้า: เบรกเกอร์สามารถใช้เป็นสวิตช์เปิด-ปิดระบบไฟฟ้า ช่วยในการควบคุมการเชื่อมต่อหรือตัดการเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้า
  5. ป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์: โดยการตัดการเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าเมื่อเกิดสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า
  6. ป้องกันการไฟไหม้: โดยการตัดการเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าเมื่อเกิดสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดการไฟไหม้

เบรกเกอร์เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในระบบไฟฟ้า ช่วยในการป้องกันและควบคุมกระแสไฟฟ้า ทำให้ระบบไฟฟ้าทำงานอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ.

คำศัพท์ที่จำเป็นหากคุณจะต้องไปซื้อเบรกเกอร์

  1. Breaking Capacity (IC): หรือที่เรียกว่า Interrupting Capacity คือ ความสามารถของเบรกเกอร์ในการตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อเกิดการสั้นวงจร โดยเป็นการระบุค่ากระแสสูงสุดที่เบรกเกอร์สามารถตัดและยังไม่ทำให้เกิดการเสียหายต่อเบรกเกอร์
  2. Amp Trip (AT): คือ ค่ากระแสที่ทำให้เบรกเกอร์ทำงาน (trip) หรือตัดกระแสไฟฟ้า เมื่อกระแสไฟฟ้าในระบบเกินค่าที่กำหนด
  3. Amp Frame (AF): คือ ค่ากระแสสูงสุดที่เบรกเกอร์สามารถรับได้โดยไม่ทำให้เกิดการเสียหาย มันเป็นค่าที่ระบุขนาดของเฟรมหรือโครงสร้างของเบรกเกอร์

เมื่อพิจารณาเบรกเกอร์ในระบบไฟฟ้า ควรพิจารณาค่าพิกัดกระแสเหล่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าเบรกเกอร์ที่เลือกใช้สามารถรับกระแสไฟฟ้าและป้องกันการสั้นวงจรได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย.

วิธีการเลือกเบรกเกอร์ แบบพื้นฐาน

การเลือกเบรกเกอร์ (breaker) สำหรับงานในอาคารจะขึ้นอยู่กับปริมาณกระแสไฟฟ้า (load) ที่เครื่องใช้ไฟฟ้าในอาคารนั้นๆ ใช้งาน การคำนวนเบรกเกอร์สามารถทำตามขั้นตอนดังนี้:

คำนวนปริมาณกระแสไฟฟ้าทั้งหมด (Total Current)

  • รวมปริมาณกระแสไฟฟ้า (Current) ของเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกตัวในอาคาร
  • ใช้สูตร: ( I = {P}/{V} ) โดยที่ ( I ) คือกระแส (Current)
    ( P ) คือกำลังไฟ (Power)
    ( V ) คือแรงดันไฟฟ้า (Voltage)

เพิ่มปัจจัยความปลอดภัย (Safety Factor)

  • เพื่อป้องกันการที่เบรกเกอร์จะตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อมีการใช้งานที่เกินกำหนด โดยทั่วไปอาจเพิ่มประมาณ 20-25% ขึ้นอยู่กับการพิจารณา

เลือกเบรกเกอร์ที่มีความสามารถรับกระแสไฟฟ้าสูงกว่าที่คำนวน

  • เลือกเบรกเกอร์ที่มีความสามารถรับกระแสไฟฟ้า (Rated Current) สูงกว่าปริมาณกระแสไฟฟ้าที่คำนวนได้

ตัวอย่างการคำนวน:

สมมติว่าในอาคารมีเครื่องใช้ไฟฟ้า 3 ตัว ดังนี้:

  • แอร์ 2,000W
  • ทีวี 400W
  • ตู้เย็น 800W
  • แรงดันไฟฟ้าที่ใช้งานคือ 220V

คำนวนปริมาณกระแสไฟฟ้า:

  • แอร์: ( I = {2000}/{220} = 9.09 ) A
  • ทีวี: ( I = {400}/{220} = 1.82 ) A
  • ตู้เย็น: ( I = {800}/{220} = 3.64 ) A
  • รวมทั้งหมด: 9.09 + 1.82 + 3.64 = 14.55 A

เพิ่มปัจจัยความปลอดภัย 25%:

  • 14.55 x 1.25 = 18.19 A

เลือกเบรกเกอร์:

  • เลือกเบรกเกอร์ที่มีความสามารถรับกระแสไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 18.19 A โดยทั่วไปอาจเลือกเบรกเกอร์ขนาด 20A

หมายเหตุ: การคำนวนข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเบื้องต้น ในการเลือกเบรกเกอร์จริงๆ ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ และข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และควรปรึกษาวิศวกรไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยและความถูกต้อง.