จาก EP1 เราเริ่มจะเข้าใจหน้าที่การทำงานของเบรกเกอร์ ซึ่งใครยังไม่ได้ดูสามารถกลับไปดูได้นะครับ มาถึง EP2เราจะเริ่มนำเอาเบรกเกอร์ไปใช้จริงกับงานบ้านพักอาศัย โดยหลักการเบื้องต้นเป็นการคำนวนขั้นพื้นฐานนะครับ หากต้องการรายละเอียดที่ชัดเจนสามารถติดต่อฝ่ายขายเพิ่มเติมได้ครับ
ชนิดของเบรเกอร์ที่มีอยู่ในท้องตลาด
เบรกเกอร์ (Circuit Breaker) มีหลายชนิด โดยแต่ละชนิดมีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้:
Miniature Circuit Breaker (MCB):
- ขนาดเล็ก ใช้สำหรับป้องกันการเกินกระแสและการลัดวงจรในระบบไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น ในบ้านเรือน
- สามารถรับกระแสไฟฟ้าได้ไม่เกิน 100A
- เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบไฟฟ้าขนาดเล็กและปานกลาง
Molded Case Circuit Breaker (MCCB):
- ขนาดกลาง ใช้สำหรับป้องกันการเกินกระแสและการลัดวงจรในระบบไฟฟ้าขนาดกลางถึงใหญ่
- สามารถรับกระแสไฟฟ้าได้ระหว่าง 10A ถึง 2,500A
- เหมาะสำหรับการใช้งานในอาคารพาณิชย์, โรงงาน, หรือโครงการที่มีการใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่
Air Circuit Breaker (ACB):
- ขนาดใหญ่ ใช้สำหรับป้องกันการเกินกระแสและการลัดวงจรในระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่
- ใช้อากาศเป็นสื่อในการดับและแยกการลัดวงจร
- เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น สถานีจ่ายไฟ
Vacuum Circuit Breaker (VCB):
- ใช้สูญญากาศเป็นสื่อในการดับและแยกการลัดวงจร
- เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบไฟฟ้าแรงดัน Medium
Residual Current Circuit Breaker (RCCB) หรือ Ground Fault Circuit Interrupter (GFCI):
- ใช้ตรวจสอบการลัดวงจรกับดิน และตัดการเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าเมื่อตรวจพบการลัดวงจรกับดิน
- เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงในการลัดวงจรกับดิน เช่น ห้องน้ำ, สระว่ายน้ำ
Earth Leakage Circuit Breaker (ELCB):
- คล้ายกับ RCCB แต่ใช้วัดความต่างของแรงดันไฟฟ้าระหว่างดินและร่างกายเพื่อตรวจสอบการลัดวงจรกับดิน
เหล่าเบรกเกอร์นี้มีการใช้งานและการป้องกันที่แตกต่างกัน การเลือกใช้เบรกเกอร์ควรพิจารณาตามความต้องการและลักษณะของระบบไฟฟ้า.
มาลองพิจาราณาการคำนวนระบบไฟฟ้าที่ใช้งานและเลือกการป้องกันที่เหมาะสม
นี้เป็นตัวอย่างการเลือกใช้ไฟในอาคารที่พักอาศัย โดยการเลือกนี้ใช้กับตู้ Consumer ขนาด 8ช่อง
โดยแบ่ง
– วงจรเต้ารับ 3วงจร ใช้ไฟในแต่ละวงจร 600VA
– วงจรแสงสว่าง 3 วงจร แต่ละวงจรใช้หลอด LED 20W จำนวน 10 หลอด
– เครื่องทำน้ำอุ่น 3500W 1 ตัว
– แอร์ขนาด 12000 BTU 4 ตัว
เราจะเริ่มจากการคำนวนกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในแต่ละวงจร และจากนั้นจะคำนวนขนาดของเบรกเกอร์ที่เหมาะสม:
วงจรเต้ารับ (3 วงจร):
- แต่ละวงจรใช้ไฟ: 600VA
- กระแสไฟฟ้า: ( I = {P}/{V} )
( I = {600}/{220} = 2.73 ) A - กระแสไฟฟ้าทั้งหมดสำหรับ 3 วงจร: 2.73 x 3 = 8.18 A
วงจรแสงสว่าง (3 วงจร):
- แต่ละหลอด LED: 20W
- กระแสไฟฟ้าสำหรับ 10 หลอด: ( I = {10×20}/{220} = 0.91 ) A
- กระแสไฟฟ้าทั้งหมดสำหรับ 3 วงจร: 0.91 x 3 = 2.73 A
เครื่องทำน้ำอุ่น:
- กระแสไฟฟ้า: ( I = {3500}/{220} = 15.91 ) A
แอร์ 12000 BTU (4 ตัว):
สมมติว่าแอร์ 12000 BTU ใช้ไฟประมาณ 1,200W ต่อตัว
- กระแสไฟฟ้าสำหรับแอร์ต่อตัว: ( I = {1200}/{220} = 5.45 ) A
- กระแสไฟฟ้าทั้งหมดสำหรับ 4 ตัว: 5.45 x 4 = 21.82 A
รวมกระแสไฟฟ้าทั้งหมด: 8.18 + 2.73 + 15.91 + 21.82 = 48.64 A
การเลือกเบรกเกอร์:
- สำหรับวงจรเต้ารับ: เลือกเบรกเกอร์ขนาด 10A สำหรับแต่ละวงจร
- สำหรับวงจรแสงสว่าง: เลือกเบรกเกอร์ขนาด 10A สำหรับแต่ละวงจร
- สำหรับเครื่องทำน้ำอุ่น: เลือกเบรกเกอร์ขนาด 20A
- สำหรับแอร์: เลือกเบรกเกอร์ขนาด 20A
การเลือกเบรกเกอร์เมน (Main Breaker)
สำหรับตู้ Consumer ควรพิจารณาจากกระแสไฟฟ้ารวมของทั้งระบบ และเพิ่มค่าสำรอง (Safety Margin) เพื่อความปลอดภัย.
จากตัวอย่างที่เราคำนวนไว้ก่อนหน้านี้ กระแสไฟฟ้ารวมของระบบคือ 48.64 A
เพื่อความปลอดภัย, อาจจะเพิ่มค่าสำรองประมาณ 20-25% ขึ้นอยู่กับการประเมินของวิศวกรไฟฟ้า:
Safety Margin = 48.64x 0.25 = 12.16 A
Total Current = 48.64 + 12.16 = 60.8 A
ดังนั้น, ควรเลือกเบรกเกอร์เมนที่มีขนาดใกล้เคียงกับค่าที่คำนวนได้ ซึ่งในกรณีนี้คือ 63A (ซึ่งเป็นขนาดที่มีขายในตลาด) หรือถ้าต้องการความปลอดภัยมากขึ้น อาจเลือกขนาดที่มากกว่านี้เช่น 80A แต่ต้องพิจารณาว่าระบบไฟฟ้าและสายไฟสามารถรับกระแสขนาดนั้นได้หรือไม่.
หมายเหตุ: การเลือกเบรกเกอร์เมนควรปรึกษาวิศวกรไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยและความถูกต้อง และต้องพิจารณาจากการใช้งานจริงและความต้องการของระบบไฟฟ้า.